Sunday, January 31, 2016

[Review] The Boy ตุ๊กตาซ่อนผี

[Review] The Boy ตุ๊กตาซ่อนผี


สวัสดีคราบ วันนี้ผมก็จะมารีวิวภาพยนตร์แนวสยองขวัญสุดพีค ที่ทุกคนกล่าวขานว่าหักมุมแบบสุดๆ และบวกกะช่วงกระแสลูกเทพกำลังมาแรงในบ้านเราในขณะนี้ก็โยงกันไปได้เนอะ ซึ่งเรื่องที่ว่านี้ก็คือเรื่อง The Boy ตุ๊กตาซ่อนผี บอกตรงๆ ตอนแรกที่ไปดูก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะค่ายหนัง และทางนักแสดงก็ไม่ได้เด่นดังไรมาก ยิ่งค่ายหนังนี่แทบไม่รู้จักเลย ส่วนที่เลือกดูเพราะชอบหนังผี หนังสยองขวัญอยู่แล้วก็เลยนัดเพื่อนไปดู และก็ชอบนนักแสดงนางเอก Lauren Cohan ถ้าคอซีรี่ย์ฝรั่งแล้วเคยดูซีรี่ย์เรื่อง The Walking Dead ก็คงจะคุ้นหน้าเธอในบท แมกกี้ แฟนสาวของอาตี๋เกลนนั้นเอง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปอ่านเรื่องย่อกันก่อนเลยดีกว่า


เรื่องย่อ The Boy

เรื่องราวของหญิงสาวนามว่า Greta Evans (รับบทโดย Lauren Cohan) ที่ถูกจ้างวานโดยสองสามีภรรยา ตระกูล Heelshire ให้มาดูแลลูกชายของพวกเขาที่มีชื่อว่า Brahms แต่เด็กชายคนนี้กลับเป็นเพียงตุ๊กตาไร้ชีวิตตัวหนึ่ง เนื่องจากเจ้าหนู Brahms ตัวจริงได้เสียชีวิตไปเมื่อ 20 ปีก่อนนี้แล้ว แต่ทั้งสามีภรรยาก็ยังเชื่อว่าลูกชายของพวกเขายังอยู่ในบ้านหลังนี้ โดยงานในทุกๆ วันของ Greta ก็ดูเหมือนจะเป็นงานง่ายๆ แค่เลี้ยงตุ๊กตาแค่นั้น แต่อยู่มาวันหนึ่ง สองสามีภรรยา ก็ออกไปทริปต่างเมืองและทิ้งให้ Greta อยู่กับ Brahms เพียงสองคนในบ้านหลังใหญ่ และแล้วเรื่องราวแปลกประหลาดในบ้านก็เกิดขึ้น จะสยองและน่าหวาดกลัวแค่ไหนคงต้องไปดูกันเอาเองในโรงภาพยนตร์นะครับผม


รีวิวและวิจารณ์ The Boy

บอกเรื่องว่าภาพยนตร์เรื่องนี้โครตพีคและถูกใจผมสุดๆ ดูแล้วก็หักมุมแบบที่เขาว่ากันจริงๆ ครับ เรื่องนี้พูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นหนังผี 100% แต่ก็ยังเป็นหนังสยองขวัญอยู่นะ ผมว่ามันไม่น่ากลัวมากอะ แบบเด็กๆ เลย ถ้าเทียบกะหนังผีเรื่องอื่นๆ ก็พอมีฉากตกใจอยู่บ้าง และบางฉากก็แอบขนลุกเบาๆ นะ ฮ่าๆ แต่จุดพีคของหนังนี้แทบจะอุทานออกมาว่า What The F*@#!! เลยทีเดียว 


ด้านนักแสดงเรื่องนี้ก็ตัวละครค่อนข้างน้อย บท 80% ก็เป็นบทของนางเอกล้วนๆ เลย เด่นๆ อีกคนก็พระเอก Malcolm (รับบทโดย Rupert Evans) เด็กส่งของที่ถูกจ้างวานโดยสองสามีภรรยาเช่นเดียวกับนางเอก ถ้านอกจาก Lauren ก็เขานี่ละที่มาคอยเสริมอีกแรง แถมมุกจีบสาวของพี่แกนี่เหลือทนอะพูดเลย ฮ่าๆ ส่วนตัวละครอื่นๆ ก็แทบไม่มีบทเลยครับ อย่างสองสามี Heelshire ก็ออกมานิดหน่อยเท่าไหร่เท่านั้น แต่ผมแอบกลัวทั้งคู่เบาๆ นะฮะ เพราะบทสองสามีภรรยานี่ดูน่ากลัวแบบเพี้ยนๆ หลอนๆ สไตล์คนแก่แบบมีปมและมีความลับ


สรุปเลยครับเพราะว่าพูดอะไรเยอะมากไม่ได้เดี๋ยวจะกลายเป็นสปอยและดูหนังจะไม่สนุกทันที สำหรับหนังที่โครตพีคเรื่องนี้ผมให้คะแนน 9/10 เลย เกรดหนังให้ A- ครับ บอกเลยว่าผมชอบมากๆ ตอบโจทย์ความชอบส่วนตัวของผมมาก ไม่คิดว่าค่ายหนังเล็กๆดำเนินเรื่องไม่กี่ตัวละครจะทำออกมาได้ดีขนาดนี้ หักมุมแบบสุดๆ อะ แต่เสียดายตรงที่ถ้ามีฉากหลอนกว่านี้หน่อยคงให้เต็มไปเลย แบบไหนๆ ก็เกริ่นตอนแรกเป็นหนังผีแล้วก็น่าจะทำให้หลอนสุดๆ ไปเลยละค่อยมาหักมุมตอนหลัง ถ้าอยากรู้ว่าที่ผมบอกว่า ไม่ใช่หนังผี 100% เป็นยังไง ต้องไปดูกันเองในโรงภาพยนตร์นะครับ ตอนนี้สามารถชมตัวอย่างภาพยนต์ได้ด้านล่างนี้นะครับ ชอบก็อย่าลืมกดติดตามบล็อกด้วยน้า

ขอขอบคุณตัวอย่างภาพยนต์ซับไทยจาก Movies Trailer Thailand Free Sub

Sunday, January 24, 2016

[Review] Steve Jobs สตีฟ จ็อบส์

[Review] Steve Jobs สตีฟ จ็อบส์


วันก่อนได้ไปดูภาพยนตร์เรื่อง Steve Jobs มา เป็นภาพยนตร์ชีวประวัติของ Steve Job บุคคลที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยที่สุดในโลกคนนึง CEO บริษัท Apple หรือที่เรารู้จักกันในนามบิดาผู้ให้กำเนิด Mac, Ipod, Iphone และ Ipad จากที่ทราบกันก่อนหน้านี้ได้มีภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของ Steve Job ออกมาแล้วเรื่องนึง ชื่อเรื่องว่า jOBS ที่แสดงนำโดย Ashton Kutcher แต่ว่าเรื่องนี้จะต่างกันตรงที่จะเล่าเรื่องราวของ Steve Jobs ในมุมอื่นๆ ที่เรายังไม่รู้เกี่ยวกับเขา ผมได้ไปดูหนังเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรมากเพราะไปบนเอาไว้ว่าถ้าได้ไอโฟนเครื่องใหม่ก็จะไปดูแก้บน ฮ่าๆ เดี๋ยวไปชมรีวิวหนังเรื่องนี้กันเลยครับ


เรื่องย่อ Steve Job

เรื่องราวของบุรุษอัจฉริยะในช่วงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ 3 ชนิด มาจนถึงการเปิดตัว iMAC ในปี 1998 และจะนำทุกคนไปสู่เบื้องหลังการปฏิวัติโลกดิจิตอล เรื่องราวจากหนังสือระดับเบสต์เซลเลอร์ของวอลเตอร์ ไอแซ็คซัน ซึ่งเป็นชีวประวัติของผู้ก่อตั้งแบรนด์ โดยได้ Michael Fassbender มารับบท Steve Jobs ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Apple ร่วมด้วยนักแสดงระดับรางวัลออสการ์อย่าง  Kate Winslet ในบท 
Joanna Hoffman อดีตประธานฝ่ายบริหารด้านการตลาดของแมคอินทอช ส่วน Seth Rogen ก็มารับบท Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Apple และได้ Jeff Daniels มารับบท John Sculley อดีตประธานกรรมการบริหารของ Apple


รีวิวและวิจารณ์ Steve Jobs

ตัวผมเองก็ไม่ได้เป็นสาวกสตีฟ จ็อบส์เท่าไหร่ ก็พอรู้จักบ้างแบบเพลินๆ ส่วนตัวไม่ค่อยได้ดูหนังแนวนี้ในโรงสักเท่าไหร่ เนื่องจากบัตรค่อนข้างแพงเนอะ แถมไม่ลดราคาอีกด้วย ฮ่าๆ เมื่อได้ชมแล้วก็ชอบนะ แบบดูละอินกับบท เรื่องนี้ต่างจากหนังเรื่อง jobs ที่ฉายเหมือน 3 ปีก่อน ในฉบับก่อนจะเป็นการเล่าเรื่องราวของ Steve ตั้งแต่แรกเริ่มคิดค้น แต่ในเวอร์ชั่นนี้เป็นการดำเนินเรื่องผ่านการพูดคุยตอบโต้กันของสองตัวละครหลักๆ ระหว่าง Michael Fassbender และ Kate Winslet เราจะได้เห็นหน้าสองคนนี้พูดคุยกันตลอดทั้งเรื่องเลยละ และจะหนังเล่าถึงเรื่องราวของ Steve Jobs ที่คนทั่วๆ ไปไม่ค่อยรู้ อย่างเช่นตัวผม บางทีก็ไม่ทราบเหมือนกัน ก็เหมือนได้ความรู้ ได้ข้อมูลใหม่ๆ เพิ่มด้วย ตัวหนังไม่ได้แค่เล่านเรื่องว่า Steve ได้ทำอะไรมาบ้าง แต่ยังมีในส่วนของความสัมพันธ์ของตัวละครด้วยไม่ว่าจะเป็น มิตรภาพระหว่างเพื่อน ความขัดแย้ง ความรัก ในส่วนที่ผมชอบสุดคงเป็นพาร์ทระหว่าง Steve กับลูกสาว Lisa ค่อนข้างซึ้งฮะ ผมชอบมากเลยคุณจะได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกตั้งแต่เล็กจนโตเลยละ ตัวหนังก็ไม่มีไรมากครับ ถ้าดูหนังแนวพูดคุยได้ก็โอเคครับ


ด้านนักแสดง Michael Fassbender เล่นได้โครตดีเลยครับ บางมุมนี่แบบคล้าย Steve Jobs จริงๆ รัวบทพูดไม่ยั้งแบบแทบจะอ่านซับไม่ทันเลยทีเดียว ทั้งบท Steve ตอนหนุ่มและตอนแก่แล้ว Michael Fassbender ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ส่วน Kate Winslet และคนอื่นๆ ก็เล่นดีมากครับ บทส่งกันดีมากๆ แบบมีพลังสุดๆ ไปเลย


สรุปคะแนนรีวิวนะครับ 6/10 เกรดหนังให้ B- ละกันครับ แอบหวังให้มีอะไรมากกว่านี้หน่อย ฮ่าๆ แต่โดยรวมถือว่าเป็นหนังชีวประวัติเรื่องนึงที่ค่อนข้างโอเคเลย สามารถชมตัวอย่างภาพยนตร์ซับไทยได้ข้างล่างนี้เลยนะครับ หลังจากรีวิวนี้ก็จะพยายามเข้ามาเขียนอัพเดทหนังใหม่ๆ ให้ได้อ่านกันตลอดนะครับ จะพยายามเขียนรีวิวให้เร็วกว่านี้ด้วย ฮ่าๆ ฝากบล็อกนี้ด้วยนะครับ กดติดตามกันได้เลยนะ แล้วเจอกันเรื่องต่อไปจ้า


ขอบคุณตัวอย่างซับไทยจาก Major Trailers


Friday, January 22, 2016

[Review] The 5th Wave อุบัติการณ์ล้างโลก

[Review] The 5th Wave อุบัติการณ์ล้างโลก


หลังจากที่ดองเขียนรีวิวหนังไปหลายวีค ก็เลยตั้งใจเคลียร์ให้หมด วันนี้ก็เลยจะมารีวิวภาพยตร์ที่ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่ดูในโรงปี 2016 นี้ (ไม่นับ Daddy's Home เพราะจริงๆ เข้าโรงตั้งแต่สิ้นปีก่อนแล้ว) ซึ่งก็คือภาพยนตร์เรื่อง The 5th Wave อุบัติการณ์ล้างโลก เป็นภาพยนตร์ Sci-fi ชุดภาคแรกจากไตรภาคที่สร้างจากนวนิยายขายดี บอกตรงๆ ว่าตอนแรกไม่ทราบเลยว่าเรื่องนี้สร้างจากนิยายจนได้หาข้อมูลเพิ่มเติทหลังจากดู เลยรู้ ฮ่าๆ ขอรีวิวแบบไม่เปรียบเทียบกับนิยายละกัน เพราะไม่เคยอ่าน เดี๋ยวไปอ่านเรื่องย่อของหนังก่อนที่จะไปอ่านรีวิวของตัวหนังกันเลยดีกว่า


เรื่องย่อ The 5th Wave

เรื่องราวเล่าถึงการรุกรานของสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่ถูกเรียกว่า "ผู้มาเยือน" หวังจะเข้ามายึดครองโลกของเรา โดยการกำจัดมนุษย์ไปทีละนิดๆ ขั้นตอนการกำจัดมนุษย์ที่แบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอนด้วยกัน ได้แก่ 1st Wave "Darkness" เริ่มจากการตัดพลังงานทุกรูปแบบทั่วทั้งโลกก่อนทำให้มนุษย์ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ตติดต่อสื่อสารกันได้ รวมถึงพาหนะอย่างรถและเครื่องบินก็ไม่สามารถทำงานได้ด้วยเช่นกัน 2nd Wave "Destruction" กวาดล้างเหล่ามนุษย์จำนวนมากโดยการใช้ภัยพิบัติต่างๆ เช่น น้ำจากแม่น้ำ หรือมหาสมุทร คร่าผู้คนไปหลายล้านชีวิต 3rd Wave "Infection" ลดจำนวนมนุษย์ที่เหลือรอดด้วยไวรัส ที่พัฒนาจากไข้หวัด 4th Wave "Invasion" ผู้มาเยือนแฝงกายปะปนอยู่ท่ามกลางมนุษย์และทยอยฆ่ามนุษย์ที่เหลือรอด 5th Wave ขั้นตอนสุดท้ายในการกำจัดเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ยังคงเป็นความลับอยู่ ตัวหนังดำเนินเรื่องของ Cassie Sullivan (รับบทโดย Chloë Grace Moretz) สาวน้อยที่ต้องเอาชีวิตรอดจากการกลาดล้างของผู้มาเยือน และพยายามตามหาตัวน้องชายของเธอที่คลาดกันโดยลำพัง เรื่องราวจะเป็นยังไงต้องติดตามกันเอาเองในโรงภาพยนตร์


รีวิวและวิจารณ์ The 5th Wave

หลังจากที่ดูก็รู้สึกช็อคเบาๆ แบบว่าผิดคาดสุดๆ และเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงเป็นแบบผม จากทั้งตัวอย่างหนัง เราก็คิดว่าคงจะเป็นหนังแนว Sci-fi มนุษย์ต่างดาวบุกโลก ไล่ฆ่ามนุษย์ บลาๆ แต่กลับได้ดูหนังรัก วัยรุ่นใสๆ ประหนึ่งดูหนังเรื่องแวมไพร์ Twilight อยู่ยังไงยังงั้น ตัวหนังไม่ได้แย่อะไรมากนะสำหรับผม เพราะผมก็ชอบดูหนังแนวนี้อยู่ แต่ผมว่าคนส่วนใหญ่ที่มาดูก็คงคาดหวังกับหนังแนวนี้ว่าต้องมันส์ๆ ต้องบู้ล้างผลาญแน่ๆ ไม่คิดว่าจะกลายเป็นหนังรักหวานๆ แทน ซึ่งผมเองก็เป็นคนนึงที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลเลยว่าดัดแปลงมาจากนวนิยาย เพราะจุดประสงค์แรกที่ดูเลยเพราะ Chloë ล้วนๆ 


ทางด้านนักแสดงจัดว่าดี Chloë Grace Moretz เล่นใหญ่มาก บทเด่น หนังเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเธอคนเดียว แต่ใช่ว่านักแสดงอื่นๆ จะน้อยหน้านะ ส่วนตัวผมชอบ Nick Robinson อาจจะเคยเห็นผ่านตาในเรื่อง Jurassic World ในบทสองเด็กแสบในเรื่อง ส่วนในเรื่องนี้รับบทเป็น Ben Parish หนุ่มสุดฮอต ร.ร. เดียวกับนางเอกที่รอดชีวิตจากการกวาดล้างมนุษย์และหวังจะแก้แค้นแทนครอบครัว ผมว่าทักษะการแสดงของ Nick ดูมีเสน่ห์มาก เล่นประกบกับ Chloë น่าจะปังขึ้น คาดว่าในอนาคตดังแน่นอน และก็ยังมี Alex Roe รับบทเป็น Evan Walker หนุ่มปริศนาที่คอยช่วยเหลือนางเอก สาวๆ หลายๆ คนคงได้เห็นหนุ่มคนนี้โชว์หุ่นในตัวอย่างภาพยนตร์ผ่านตากันไปบ้างแล้ว อยากเห็นเต็มๆ ตาคงต้องไปชมกันในโรง เตรียมกระดาษซับเลือดกันด้วยนะ อิอิ และอีกคนสาวอีโมขอบตาดำสุดโหด ผมจำชื่อนางไม่ได้ บทนางเด่นกว่าตัวประกอบอื่นๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยจะเด่นมากนักมีได้โชว์สกิลอยู่ 2-3 ฉาก หวังว่าบทเธอคงมีมากขึ้นถ้าเรื่องนี้ถูกสร้างภาคต่อ ส่วนนักแสดงคนอื่นสำหรับผมยังเฉยๆ ครับ ไม่ค่อยเข้าตาสักเท่าไหร่ บางคนก็บทน้อยๆสักแบบว่า ไม่ต้องมีก็ได้นะ


ด้านกราฟฟิคค่อนข้างโอเคเลยครับ ถึงแม้ว่าตัวหนังจะเบนไปทางโรแมนติกซะมากกว่า แต่ก็ไม่ทิ้งในส่วนของกราฟฟิคสไตล์หนัง Sci-fi เช่น ฉากสึนามิ จู่โจ่มในแต่ละเมืองก็อลังการมากๆ เลย แอบเห็นประเทศไทยด้วยนะ หุหุ และก็ CG ยานของเหล่าผู้มาเยือนที่มาจากต่างดาวก็ทำออกมาได้โอเคอยู่นะ

ในส่วนของบทและการดำเนินเรื่อง เนื่องจากหนังสร้างจากนิยายไตรภาค อะไรหลายๆ อย่างก็เลยยังไม่เคลียร์ในภาคเดียว จบแบบดื้อๆ ดำเนินเรื่องค่อนข้างสโลว์ไลฟ์ไม่ค่อยน่าสนใจสักเท่าไหร่นักสำหรับตัวผม ก็ดึงผมให้ดูได้ก็เพราะตัว Chloë (เหตุผลเดิมตลอด 555+) แต่กระแสเปิดตัวหนังไม่ค่อยดีนัก ในบรรดาหนังที่สร้างจากนวนิยาย เปิดตัวไม่ค่อยบูมเท่าเรื่องอื่นๆ คงต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าเราจะได้ชมภาคต่อของภาพยนตร์ชุดนี้รึป่าว


สรุปเลยละกันนะครับ สำหรับคะแนนรีวิวให้ 6/10 เกรดหนังให้ B- ยังพอไปได้สำหรับผม แอบหวังว่าจะได้ดูภาคต่ออยู่เหมือนกัน ใครที่ชื่นชอบหนังสร้างจะนิยาย แนวรักวัยรุ่น อารมณ์ Twilight ผมว่าดูเรื่องนี้แล้วไม่ผิดหวังนะ แต่ถ้าใครอยากจะมาดูแบบหนังฆ่าๆ บู้ๆ กันผมไม่แนะนำเท่าไหร่ ไม่งั้นคุณอาจจะผิดหวังกลับไปก็เป็นได้นะ ฮ่าๆ สามารถชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ทางด้านล่างนี้เลยนะครับ สำหรับเรื่องหน้าจะมารีวิวหนังเรื่องอะไรยังไงก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ ชอบก็กดติดตามบล็อกได้เลยครับผม

 
ขอขอบคุณตัวอย่างภาพยนต์ซับไทยจาก maewlaay

Thursday, January 21, 2016

[Review] Daddy's Home สงครามป่วน (ตัว)พ่อสุดแสบ

[Review] Daddy's Home สงครามป่วน (ตัว)พ่อสุดแสบ


หลังจากที่ดองการเขียนรีวิวหนังไปสักพักหลังจากที่ช่วงนี้ยุ่งๆ ตั้งแต่ต้นปี สมกับเป็นปีชงของผม 555+ วันนี้ก็เลยจะมารีวิวหนังทิ้งท้ายปี 2015 ซึ่งก็คือเรื่อง Daddy's Home สงครามป่วน (ตัว)พ่อสุดแสบ จริงๆ ผมได้ดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ประมาณต้นๆ เดือนมกราคมแล้ว แต่เพิ่งจะว่างเขียนรีวิว เรื่องนี้ก็เป็นภาพยนตร์แนวตลก Comedy สำหรับครอบครัว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเดี๋ยวเราไปอ่านรีวิวหนังเรื่องนี้กันเลยดีกว่า


เรื่องย่อ Daddy's Home 

เป็นเรื่องราวของ Brad Whitaker (รับบทโดย Will Ferrell) พ่อเลี้ยงวัยกลางคนที่ดันได้แต่งงานกับสาวสุดสวยลูกติดสองคน Sara (รับบทโดย Linda Cardellini) ในทีแรกลูกๆ ไม่ชอบขี้หน้า Brad สักเท่าไหร่ แต่พอเวลาผ่านไปทุกๆ อย่างก็เริ่มจะดีขึ้นแล้วเด็กๆ เปิดใจกับมากขึ้น Brad ปลาบปลื้มใจมากที่ได้สานสัมผัสระหว่างพ่อลูกได้สำเร็จ และจู่ๆ วันนึงสามีเก่าสุดเก๋าของ Sara ชื่อว่า Dusty Mayron (รับบทโดย Mark Wahlberg) ก็กลับมาอีกครั้ง และหวังจะแย่งชิงตัวภรรยาเก่าและลูกๆ กลับคืน ทั้ง Brad และ Dusty ต่างก็งัดลูกไม้เอาออกมาเอาใจเมียและเด็กๆ จนกลายเป็นศึกคุณพ่อปะทะพ่อเลี้ยง เรื่องราวจะสนุกสุดฮาแค่ไหน ต้องไปดูเองในโรงภาพยนตร์จ้า



รีวิวและวิจารณ์ Daddy's Home 

ได้ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้ในโรงประมาณท้ายๆ ปีที่แล้ว ก็ชอบ แบบว่ามันฮาดี เลยตัดสินใจดู บอกเลยว่าในหนังนี่มีฉากฮาๆ ที่ยังไม่เห็นในตัวอย่างอีกเยอะ เราว่าหนังค่อนข้างสนุก ขำตลอดทั้งเรื่อง ทุกๆ ตัวละครนี่แย่งซีนกันสุดๆ และจุดพีคของหนังเรื่องนี้เลยคือตอนจบ บอกเลยว่ามีเซอร์ไพร์ถ้าคุณเกทว่าเค้าคือใคร ฮ่าๆ ขออุ๊ปไว้เท่านี้ ต้องไปดูในโรงภาพยนตร์นะครับ อิอิ


ทางด้านนักแสดงตอนแรกเราคิดว่า Will Ferrell ประกบคู่กับ Mark Wahlberg แล้วจะดึงความสนุกของหนังลงด้วยวัยที่ต่างกันเกินไปจนแบบไม่คิดว่าจะสู้  Mark ได้เลย แต่เราคิดผิด เพราะ Will เล่นดีมากดึงคนดูอยู่หมัดจริงๆ ในเรื่องนี้เราชอบยิ่งกว่า Mark อีกนะ ฮ่าๆ ส่วนตัวละคนอื่นๆ อย่างเด็กน้อยสองคนก็ทำให้หนังสนุกขึ้น และ Mark Wahlberg ก็ปล่อยมุกตลอดเวลา เล่นดีครับเรื่องนี้


สรุปเลยละกันนะครับ สำหรับหนังเรื่องนี้คะแนนรีวิวให้ 7/10 เกรดหนังให้ B ละกันครับ เป็นหนังตลกๆ สบายๆ ดูได้ทุกวัย ตอนนี้ก็ยังพอจะมีรอบในบางที่อยู่นะครับ ตอนนี้ไปชมตัวอย่างภาพยนตร์กันได้ข้างล่างนี้เลยครับผม รอบหน้าจะมาลงรีวิว 5th wave หนังอีกเรื่องที่ดูแล้วดองไว้ ต้องขออภัยในความล่าช้าเนื่องจากตัวผทช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเขียนเท่าไหร่ แต่จะพยายามลงให้อ่านกันเรื่อยๆ นะครับ ฮ่าๆๆ แล้วเจอกันใหม่เรื่องต่อไปน้า

ขอบคุณตัวอย่างภาพยนตร์ซับไทยจาก UIP Thailand