Sunday, December 27, 2015

[Review] Goosebumps คืนอัศจรรย์ขนหัวลุก

[Review] Goosebumps คืนอัศจรรย์ขนหัวลุก




พบกับรีวิวตัวที่สี่ของบล็อกแห่งนี้ โดยวันนี้ผมก็จะมารีวิวภาพยนตร์ตลกๆ ฮาๆ ที่มีชื่อว่า Goosebumps คืนอัศจรรย์ขนหัวลุก ซึ่งจริงๆ ตัวผมนั้นได้ไปชมตั้งแต่วันแรกที่หนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้วแต่เพิ่งจะมีเวลาว่างเขียนบทความรีวิว วันนี้ก็เลยจะมาเขียนรีวิวหนังเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ตัวผมเองอยากดูตั้งแต่เห็นตัวอย่างครั้งแรกใน Youtube แล้ว ผมชอบดูหนังแนวนี้มากๆ แนวแฟนตาซีประหลาดๆ เชื่อว่าหลายๆ คนถ้ามองรูปปกผ่านๆ ก็คงอยากรู้กันใช่ไหมว่าเรื่องราวความสนุกของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นยังไง งั้นตามผมไปอ่านรีวิวกันเลย



เรื่องย่อ Goosebumps

ภาพยนตร์ Goosebumps นั้นดัดแปลงมาจากหนังสือเด็กแนวสยองขวัญขายดีเซตใหญ่ของผู้เขียน นามว่า R.L. Stine คนไทยอาจจะพอคุ้นชื่อกันดีในชื่อชุดหนังสือ ชมรมขนหัวลุก ที่มีแปลออกมาในประเทศไทยถึง 25 ตอน โดยเรื่องราวของหนังเริ่มต้นจากการย้ายบ้านเข้ามาใหม่ของ Zach Cooper และเขาได้พบกับความผิดปกติภายในบ้านของเพื่อนบ้านสาวสวยอย่าง Hannah ที่นอกจากจะมีพ่อที่หน้าตาไม่รับแขกแล้วยังดูเหมือนเขาพยายามกีดกันลูกสาวตัวเองออกห่างเพื่อนบ้านและทุกๆ คนในเมือง จนวันหนึ่ง Zach ได้ยินเสียงร้องจากข้างบ้าน จึงทำให้ Zach และเพื่อนใหม่ของเขาที่ชื่อว่า Champ ได้ตัดสินใจบุกเข้าไปในบ้านของ Hannah แต่ก็ดันพบกับชั้นหนังสือที่รวบรวมรายชื่อของบรรดาเหล่าภูต ผี ปีศาจ ในหนังสือของ  R.L. Stine เอาไว้มากมาย ด้วยความที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงทำให้พวกเขาทั้งคู่ได้ปลดปล่อยอสูรกายออกมาสู่โลกแห่งความจริงเอาซะแล้ว เรื่องราวความสนุกจะเป็นยังไงต่อ Zach และเพื่อนจะสามารถจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไหมต้องไปชมกันเอาเองในโรงภาพยนตร์


รีวิวและวิจารณ์ Goosebumps

ตัวหนังมีความสนุกตรงที่คุณจะได้เห็นเหล่าภูต ผี ปีศาจ หลายตัวในโลกของนิยาย ออกมาโล้ดแล้นในโลกแห่งความจริงเหมือนเป็นการยำหนังยังไงอย่างงั้น ทำให้คุณแทบไม่อยากกระพริบตาขณะดูเลย แต่ด้วยความที่ตัวเหล่าปีศาจมีเยอะมาก ทำให้การแชร์บทบาทไม่ทั่วถึง จนทำให้ปีศาจบางตัวก็แทบจะไม่มีบทเด่นๆ เลยแค่แบบมาเดินผ่านพอให้รู้ว่ามีปีศาจตัวนี้อยู่นะ อะไรแบบนี้ ส่วนปีศาจตัวไหนที่มีบทเด่นๆ ในหนังอยู่แล้วก็จะมีบทเด่นตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งตัวผมคิดว่าถ้าตัวหนังมีการแชร์บทเด่นๆ ให้ปีศาจตัวอื่นๆ บ้างอาจจะทำให้สนุกขึ้นและน่าดูกว่านี้ ส่วนเนื้อเรื่องของหนังเป็นการดำเนินเรื่องแบบธรรมดา ดูง่ายๆ จนจบเรื่อง และด้วยความที่เป็นหนังสำหรับครอบครัว เหมาะสำหรับเด็ก จึงไม่ค่อยมีอะไรน่ากลัว ทั้งๆ ที่ตัวเหล่าปีศาจบางตัวก็ทำออกมาซะน่ากลัวแต่กลับทำออกมากลายเป็นตัวโง่ๆ ไม่น่ากลัวซะอย่างงั้น


ทางด้านนักแสดงต้องยกความดีความชอบให้กับเจ้าพ่อหนังคอมมาดี้อย่าง Jack Black เลย เรียกได้ว่าเป็นการกลับคือสู่โลกแห่งภาพยนตร์หลังจากที่ไม่ได้เห็นฝีมือการแสดงของเขามานาน บทความฮาของ้เขาไม่ต้องพูดถึง ส่วนหนังแสดงอื่นๆ ผมขอยกมาอีกหนึ่งตัวละครที่จะมาขโมยซีนนั่นก็คือ Ryan Lee ผู้รับบท Champ เพื่อนของพระเอกเรานั้นเอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่จะมาสร้างเสียงหัวเราะให้กับเรา บทของเขาก็บ้าและกวนแค่ไหนต้องไปดูเองครับแต่ผมการันตีว่าฮาสุดๆ ส่วนพระเอก-นางเอกของเรื่องอย่าง Dylan Minnette รับบทเป็น Zach และ Odeya Rush รับบทเป็น Hannah ทั้งคู่ก็มีบทแสดงความน่ารักๆ ในเรื่องราวของทั้งคู่และความฮาอยู่บ้างพอสมควรแต่ดันมาโดนเจ้า Champ ขโมยซีนเอาซะได้ ฮ่าๆ ตัวประกอบอื่นๆ ในเรื่องก็มีผลัดกันออกมาสร้างเสียงหัวเราะให้คุณตลอดทั้งเรื่องอย่างแน่นอน


ทางด้านกราฟฟิกอลังการงานสร้างอยู่แล้วครับไม่ต้องห่วง ตัวหนังเล่นขนเหล่าบรรดาสัตว์ประหลาดมาซะเยอะขนาดนี้ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการแต่งตัวบวกเมคอัพเอาซะมากกว่า ก็จะมีแค่บางตัวที่ใช้ CG เข้ามาช่วยอย่างที่เราเห็นในตัวอย่างภาพยนตร์ก็จะมีเจ้าตัวบิ๊กฟุต มนุษย์หมาป่า ตั๊กแตนยักษ์ เจ้าตัวภูติจิ๋ว และยังมีอีกไม่กี่ตัวที่ใช้ CG สร้างขึ้น 


สรุปการรีวิวภาพยนตร์เรื่อง Goosebumps สำหรับคะแนนรีวิวผมให้ 7/10 ครับและเกรดหนังผมใหเกรด B ครับ ตัวหนังไม่ค่อยมีอะไรมากมายครับ ดูเอาเพลินๆ สนุกๆ ก็ไม่แย่ครับ สำหรับใครที่อยากหาหนังสนุกดูสักเรื่องก่อนสิ้นปีนี้ผมก็แนะนำให้ดูเรื่องนี้ครับไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน สำหรับตัวอย่างภาพยนตร์สามารถกดดูได้ทางด้านล่างนี้เลยนะครับ แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งสำหรับการรีวิวหนัง เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายของปีนี้แล้ว บล็อกนี้ก็เพิ่งเปิดมาได้ไม่นานนี้เอง ยังไงก็ช่วยติดตามกันต่อๆ ไปในปีถัดๆ ไปด้วยนะครับ ตัวผู้สร้างบล็อกเองยังมือใหม่ในการตกแต่งและปรับปรุงบล็อกอยู่ ตอนนี้ผมได้เพิ่มปุ่มการติดตามบล็อกนี้ไว้แล้วทางซ้ายมือของหน้าหลักยังไงถ้าชอบก็กดติดตามได้นะครับ แล้วเจอกันใหม่ปีหน้ายังไงตอนนี้ผมขอ Happy New Year 2016 ล่วงหน้าเลยละกันนะครับ มีความสุขกันมากๆในปีใหม่นี้นะครับผม แล้วพบกันใหม่ในรีวิวเรื่องต่อไปน้า

(ขอขอบคุณตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Goosebumps ซับไทยจาก Sony Pictures Thailand - Movie)

Sunday, December 20, 2015

[Review] In the Heart of the Sea หัวใจเพชฌฆาตวาฬมหาสมุทร

[Review] In the Heart of the Sea หัวใจเพชฌฆาตวาฬมหาสมุทร


ถ้าพูดถึงกระแสหนังที่กำลังมาแรงในช่วงนี้คงหนีไม่พ้นภาพยนตร์เรื่อง Star Wars The Force Awakens ซึ่งมีรอบฉายตามโรงภาพยนตร์หลายรอบให้เลือกดูเลยทีเดียว ทางตัวผมก็ได้รีวิวให้ทุกท่านได้อ่านกันไปแล้วในบทความแรกของบล็อกนี้ วันนี้ผมก็เลยจะมารีวิวภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่ยังเข้าฉายในโรงอยู่ในขณะนี้ให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ สำหรับใครที่อยากจะหาหนังสักเรื่องดูในโรง ซึ่งหนังที่ผมจะมารีวิวให้ทุกท่านอ่านในวันนี้นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง In the Heart of the Sea หัวใจเพชฌฆาตวาฬมหาสมุทร ซึ่งมีกำหนดฉายในโรงภาพยนตร์ไปเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาครับ สำหรับใครที่พลาดชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็สามารถอ่านรีวิวก่อนที่จะไปชมในโรงภาพยนตร์ได้ครับ 


เรื่องย่อ In the Heart of the Sea

ภาพยนตร์เรื่อง In the Heart of the Sea เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือเรื่อง In the Heart of the Sea: The Tragedy of the Whaleship Essex โดยผู้เขียน Nathaniel Philbrick ผู้ที่ชนะรางวัล National Book Award สาขา Nonfiction ปี 2000 โดยเรื่องราวจะเล่าเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมของเรือล่าปลาวาฬในนิวอิงแลนด์ที่มีชื่อว่า “Essex” ที่ต้องประสบกับการโจมตีของปลาวาฬหัวทุยขนาดมหึมา นามว่า “Moby Dick” สิ่งมีชีวิตที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นปีศาจร้ายแห่งท้องทะเล เหล่านักล่าปลาวาฬทั้ง 21 ชีวิตต้องเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์การตามล่าของปลาวาฬตัวนี้ และยังต้องเผชิญกับความหิวโหย ความหวาดกลัว และความสิ้นหวังท่ามกลางมหาสมุทรอีกด้วย 


รีวิวและวิจารณ์ In the Heart of the Sea

ภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องโดยการเล่าเรื่องเหตุการณ์ในอดีตผ่านการสนทนาของหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้น กับทางนักเขียนผู้ที่ต้องการทราบเรื่องราวทั้งหมดในวันที่เหล่านักล่าปลาวาฬแห่งเรือ Essex เผชิญหน้ากับปลาวาฬ Moby Dick แบบละเอียดๆ เพื่อที่จะนำเรื่องราวไปเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือของเขาขึ้นมา โดยตัวหนังจะเป็นการพูดคุยและเล่าเรื่องสลับไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบันครับ ตัวหนังเน้นในเรื่องดราม่า การเอาชีวิตรอด ความเชื่อ ความศรัทธา ให้คนดูได้เห็นถึงความน่ากลัวและอันตรายแห่งท้องทะเล รวมทั้งยังให้แนวคิดเล็กๆ น้อยๆ กับคนดูด้วยครับ


ตัวบทหนังส่งกับทางตัวนักแสดงนำได้เป็นอย่างดี ทางด้านนักแสดงนำของเรื่องอย่าง Chris Hemsworth หรือที่เรารู้จักเขาในบทเทพเจ้าสายฟ้า Thor ในเรื่องนี้เขามารับบทเป็น Owen Chase นักล่าปลาวาฬฝีมือดีผู้ที่จากบ้านและภรรยามาเพื่อหาเลี้ยงชีพ โดยในภาพยนตร์เรื่องนี้ Chris Hemsworth ได้ถึงกับลงทุนลดน้ำหนักจนผอมเพื่อความสมจริงของหนังในฉากที่ตัวเขาและลูกเรือคนอื่นๆ ต้องเอาชีวิตรอดจากความหิวโหยเนื่องจากไม่มีเสบียงอาหารเหลือให้ประทังชีวิตท่ามกลางมหาสมุทร ไม่เพียงเท่านี้สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับบทของหนัง นั่นก็คือฉากการปะทะคารมแบบรุนแรงเนื่องจากความเห็นไม่ลงรอยกันของ Owen Chase และกัปตันเรือ Essex อย่างกัปตัน George Pollard ที่รับบทโดย Benjamin Walker ทายาทชั้นสูงแห่งตระกูลนักล่าปลาวาฬ ดูแล้วรู้สึกอินเหมือนนักแสดงของสองตัวละครนี้รู้สึกไม่กินเส้นกันอย่างแรงเลยทีเดียว ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ อย่างเจ้าหนู Tom Holland ที่รับบทเป็น Thomas Nickerson ลูกเรือ Essex ที่ออกเรือไปล่าปลาวาฬด้วยวัยเพียง 14 ปี ซึ่งเจ้าหนู Tom Holland ก็กำลังได้รับความสนใจ และกำลังเป็นที่จับตามองในขณะนี้เนื่องจากเขาเพิ่งได้รับบทนำในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องดังอย่าง Spider-Man ที่ได้ทำการรีบูตใหม่อีกครั้ง เพื่อนำตัวละครไอ้แมงมุมเข้าสู่จักรวาลหนัง Marvel ภายใต้การสร้างร่วมกันของ Marvel และ Sony โดยฝีมือการแสดงของเจ้าหนู Tom Holland นั้นไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ บทของเขาส่งกับนักแสดงนำอย่าง Chris Hemsworth ได้เป็นอย่างดีและตัวเขานั้นได้ถ่ายทอดการแสดงในเรื่องของการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากความกลัวด้วยภัยอันน้อยนิดออกมาได้สมจริงเอามากๆ เลยทีเดียวครับ ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็เล่นได้ดีมากครับ ทำให้การดำเนินเรื่องของหนังราบรื่นไปจบ


ส่วนทางด้านกราฟฟิกของหนังทำกราฟฟิกของตัวปลาวาฬออกมาให้สวยงามมากๆ เลยครับ ดูสมจริงมากๆ และเจ้าตัวปลาวาฬหัวทุย Moby Dick ก็ทำออกมาได้น่าเกรงขามเอามากๆ ฉากแอคชั่นการล่าปลาวาฬทำออกมาน่าดูและตื่นเต้นมากครับ ดนตรีประกอบช่วยให้ฉากน่าดูและตื่นเต้นมากขึ้นอีกด้วย ตัวผมได้มีโอกาสไปดูในโรง IMAX 3D รู้สึกว่าไม่ค่อยมีฉากที่เป็น 3D มากนัก ดูแบบธรรมดาน่าจะโอเคแล้วสำหรับหนังเรื่องนี้ สรุปการวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ผมให้คะแนน 7/10 ครับ เกรดหนังให้ B ครับ ใครที่ชื่นชอบหนังแนวดราม่าๆ หดหู่แบบสุดๆ เรื่องนี้เป็นหนังดีๆ อีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากแนะนำให้ดูจริงๆ ครับ สามารถชมตัวอย่างภาพยนตร์ก่อนที่จะไปชมในโรงได้ด้านล่างนี้เลยครับ หลังจากรีวิวตัวนี้ผมจะทยอยเขียนรีวิวหนังอีกเรื่องสองเรื่องที่ยังมีฉายในโรงภาพยนตร์ในขณะนี้ให้ทุกๆ ท่านได้อ่านกันอีกครับ 

(ขอขอบคุณตัวอย่างภาพยนตร์ซับไทยจาก Warner Bros. Thailand ด้วยครับ)

[Review] The Nightmare คืนผีอำ

[Review] The Nightmare คืนผีอำ



เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีโอกาสได้ไปดูหนังผี-สารคดีเกี่ยวกับการโดนผีอำ เรื่อง The Nightmare คืนผีอำ มาครับ ส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบดูหนังผีอยู่แล้วด้วย ช่วงนี้เลยอยากจะหาหนังผีดูสักเรื่องหนึ่งและก็ได้เห็นภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่านๆ เลยไปลองหาข้อมูลดู ก็ได้ความว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวสารคดีเกี่ยวกับเรื่องผีๆ ที่น่ากลัวที่สุดตั้งแต่ถ่ายทำมา ในต่างประเทศถึงกับมีคนลุกออกจากโรงขณะดูเลย ก็เลยเกิดสนใจภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมาและตัดสินใจหาเวลาไปดู หลังจากที่ผมได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ไปแล้ว วันนี้ก็เลยจะมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันเป็นยังไง


เรื่องย่อ The Nightmare

ภาพยนตร์เรื่อง The Nightmare ภาพยนตร์แนวสารคดีที่จะพาคุณไปรู้จักกับปรากฏการณ์ Sleep Paralysis หรือก็คืออาการขยับตัวไม่ได้ขณะนอนหลับ ที่มักจะมาพร้อมเหตุการณ์ลี้ลับอันอธิบายด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าการโดน"ผีอำ"นั่นเอง โดยผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่าง Rodney Ascher ก็เป็นคนหนึ่งที่มีอาการขยับตัวไม่ได้ขณะนอนหลับ และเขาคิดว่าอาการนี้ไม่ได้เกิดกับเขาเพียงคนเดียว จึงได้ตามหาผู้คนที่มีอาการเช่นเดียวกันกับเขา มาเล่าเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์การโดนผีอำ และทำออกมาเป็นภาพยนตร์ในรูปแบบสารคดี


รีวิวและวิจารณ์ The Nightmare

ต้องบอกเลยว่าก่อนที่ผมจะไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ตัวผมไม่เคยดูตัวอย่างภาพยนตร์ หรืออ่านเรื่องย่อก่อนไปชมเลย แต่ด้วยความที่ตัวผมเพิ่งจะมีเวลาไปดูในช่วงที่หนังใกล้จะออกจากโรงแล้ว และมีฉายไม่กี่ที่ด้วย ด้วยความที่ชอบดูหนังผี อยากลองดูหนังแนวนี้ที่พูดกันว่าเป็นหนังสารดีผีที่น่ากลัวที่สุด เลยตัดสินใจไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้


สำหรับใครที่ไม่ชอบหรือดูหนังแนวสารคดีไม่ได้ ผมไม่แนะนำให้ดูเลยครับ เพราะตัวหนังจะเป็นแค่การพูดคุย เล่าเรื่องของคนที่เคยมีประสบการณ์การโดนผีอำ ไม่มีเนื้องเรื่อง เป็นการเล่าเรื่องบรรยายและมีเหตุการณ์สมมุติประกอบไปด้วย ซึ่งในเรื่องมีคนเล่าประมาณ 8-10 คนได้ครับ ก็จะเล่าสลับกันไปมา วนๆ ไปเรื่อยๆ จนจบเรื่องครับ โดยตัวหนังจะแบ่งเป็นบทๆ ไปครับ โดยเปิดเรื่องให้เรารู้จักตัวละครก่อนว่ามีใครบ้าง อาศัยอยู่เมืองอะไร และเกริ่นๆ เรื่องราวการโดนผีอำครั้งแรกของพวกเขาครับ หลังจากนั้นตัวละครก็จะผลัดกันเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ ซึ่งเรื่องราวการโดนผีอำของแต่ละคนก็จะมีอาการคล้ายๆ กันแต่ก็จะไม่เหมือนกันซะทีเดียว


ตัวหนังอธิบายปรากฏการณ์ Sleep Paralysis หรือก็คืออาการขยับตัวไม่ได้ขณะนอนหลับได้ดีครับ แอบได้ความรู้หน่อยๆ แต่เรื่องเล่าของแต่ละคนออกจะดูเว่อร์และเกินจริงไปหน่อยและหลังๆ เหมือนจะออกทะเลไปเลยครับเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่การโดนผีอำละ ถ้าใครที่ชื่นชอบในดูหนังผีและต้องการความตื่นเต้น จากหนังผี สำหรับผมภาพยนตร์เรื่องนี้แทบไม่มีความน่ากลัวเลยสักนิดครับ ผมไม่แนะนำให้ไปดูครับ บางคนถึงกับลุกออกจากโรงก่อนหนังจบเลยทีเดียว ตัวหนังพอมีฉากตกใจอยู่บ้างครับ และด้วยความที่เป็นหนังแนวสารคดี แน่นอนครับพูดคุยกันทั้งเรื่องยาวๆ ยันจบเลยครับ สำหรับคะแนนรีวิวภาพยนตร์เรื่อง The Nightmare ผมให้ 4/10 ครับ และเกรดหนังเรื่องนี้ผมให้ C- ครับ สำหรับใครที่อ่านรีวิวหนังเรื่องนี้แล้วยังสนใจก็สามารถคลิกชมตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องนี้ก่อนจะไปชมในโรงได้ด้านล่างนี้นะครับ และตอนนี้ก็ยังพอมีให้ดูได้ในโรงภาพยนตร์บางสาขาครับ 



Friday, December 18, 2015

[Review] Star Wars The Force Awakens อุบัติการณ์แห่งพลัง

[Review] Star Wars The Force Awakens อุบัติการณ์แห่งพลัง


สวัสดีครับ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่บล็อก "Yozshy 24/7 Blog สำหรับคนรักหนัง" วันนี้ผมก็จะมารีวิวภาพยนตร์เรื่องแรกของบล็อก นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง Star Wars The Force Awakens ซึ่งภาคนี้ก็เป็นภาคที่ 7 แล้วสำหรับมหากาฬภาพยนตร์สุดโด่งดังโดยฝีมือผู้กำกับ George Lucas และค่าย Lucasfilm ที่ได้สร้างภาพยนตร์ชุดเรื่อง Star Wars ออกมาแล้วถึง 6 ภาคด้วยกันและภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ก็ได้กลายเป็นภาพยนตร์ในความทรงจำวัยเด็กของใครหลายๆ คนอีกด้วย ส่วนในภาคใหม่นี้ได้ตัวพ่อหนัง Sci-fi อย่าง J.J. Abrams มานั่งแท่นกำกับแทน โดยภาคนี้ถูกสร้างร่วมกันโดยค่ายหนังอย่าง Walt Disney และ Lucasfilm เรียกได้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับตัวภาพยนตร์เรื่อง Star Wars หลังจากที่ห่างหายไปนานหลายปี ซึ่งแฟนๆ ต่างตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ในครั้งนี้


เรื่องย่อ Star Wars The Force Awakens 

เนื้อเรื่องย่อของ Star Wars The Force Awakens จะเป็นการดำเนินเรื่องต่อจากภาคที่ 6 ที่มีชื่อตอนว่า Return of Jedi (1983) เป็นระยะเวลา 30 ปีหลังจากการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายจักรวรรดิและฝ่ายต่อต้าน ทางฝ่ายต่อต้านก็ได้รับชัยชนะจากการทำลายดาวมรณะ Death Star และอัศวินเจไดอย่าง Luke Skywalker ก็ได้โค่นล้มจักรพรรดิ Darth Sidious ลงได้โดยการกลับใจของลูกศิษย์ Darth Vader ผู้เป็นบิดาของ Luke แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ ฝ่ายจักรวรรดิยังไม่ถูกกำจัดจนหมดสิ้น จึงได้สร้างดาวมรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้งโดยที่มีขนาดใหญ่และมีพลังการทำลายรุนแรงกว่าที่เคย ทางฝ่ายจักรวรรดิต้องการตามล่าและกำจัดฝ่ายต่อต้านให้สิ้นซาก รวมทั้งยังมีผู้สืบทอดของ Darth Vader อย่าง Kylo Ren ที่ต้องการตามหาอัศวินเจไดอย่าง Luke Skywalker ที่หายตัวไปอีกด้วย เรื่องราวการผจญภัยในอวกาศจะเป็นยังไงต่อ ต้องไปชมกันเองในโรงภาพยนตร์ครับ



รีวิวและวิจารณ์ Star Wars The Force Awakens

การจะดูภาพยนตร์เรื่องนี้ให้สนุกคือคุณต้องทำความรู้จักและทำความเข้าใจภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ซะก่อน โดยภาพยนตร์ชุดนี้มีออกมาให้ชมถึง 6 ภาคด้วยกัน ยิ่งถ้าคุณได้ชมทั้ง 6 ภาคแล้ว เมื่อดูภาคนี้จะยิ่งอินกับตัวหนังยิ่งขึ้น แต่สำหรับคนที่ไม่เคยชมภาพยนต์เรื่อง Star Wars ภาคเก่าๆ เลยสักภาคก็ยังสามารถดูรู้เรื่องได้ครับ ตัวหนังไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คุณคิดแค่อาจจะงงที่มาที่ไปของตัวละคร ส่วนความสนุกของหนังอยู่ที่เมื่อคุณได้ชม คุณจะได้ยินซาวด์เปิดเรื่องที่คุ้นเคยอีกครั้ง เทคนิคการเปิดเรื่องที่คุณคุ้นเคยในภาคก่อนๆ รวมถึงตัวละครเก่าๆ หลายตัวก็ได้หวนคืนสู่ภาพยนตร์ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี โดยที่ตัวผมก็เป็นแฟนหนังคนหนึ่งที่ได้ดู Star Wars มาตั้งแต่เด็กๆ พูดเลยว่าตื้นตันใจเอามากๆ บทและการดำเนินเรื่องยังคงความเป็น Star Wars ได้ดีครับเนื่องจากหนังถูกสร้างออกมาให้เป็นไตรภาค โดยไตรภาคนี้จะเป็นภาค 7-9 ปริศนาและความลับมากมายในหนังจึงยังไม่เฉลยหมดในภาคนี้ ยังคงมีเก็บไว้ให้เราต้องตามลุ้นกันต่อใน Episode VIII และ Episode IX รวมถึงภาคแยกอื่นๆ ที่ทางค่ายหนังได้ประกาศสร้างออกมาแล้วอย่างภาค Rouge One และภาคเดี่ยวของตัวละคร Han Solo ก็จะมีออกมาให้เราได้ดูเรื่อยๆ ในปีถัดไปครับ เรียกได้ว่ากว่าจะได้ดูหมดทุกภาคคงจะต้องอดทนรอกันอีกหลายปีเลยทีเดียว


ทางด้านนักแสดงในภาค The Force Awakens ได้นักแสดงหน้าใหม่อย่าง John Boyega ผู้รับบท Finn, Daisy Ridley ผู้รับบท Rey, Adam Driver ผู้รับบท Kylo Ren และ Oscar Issac ผู้รับบท Poe Dameron มารับบทนำในภาคนี้ รับรองพวกเขาจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน บทของทุกคนมีความเด่นและความชัดเจนในตัวและยังมีมุกตลกให้คุณได้ขำตลอดเวลา รวมถึงการกลับมาของนักแสดงชุดแรกของ Star Wars ในแบบฉบับของ George Lucas อย่าง Mark Hamill ผู้รับบท Luke Skywalker, Harrison Ford ผู้รับบท Han Solo และ Carrie Fisher ผู้รับบท Princess Leia ก็ได้หวนกลับคืนสู่จอภาพยนตร์เช่นกัน ถึงแม้อายุจะเยอะแต่ฝีมือการแสดงยังคงสุดยอดเหมือนเดิม นอกจากตัวละครหลักๆ แล้วสิ่งที่ลืมไม่ได้สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้คงเป็นเหล่าตัวละครที่สิ่งมีชีวิตอย่าง Chewbacca ตัววูกกี้คู่หูของ Han solo เหล่าหุ่นยนต์ดรอยที่เป็นเอกลักษณ์ของหนังอย่าง C-3PO และ R2-D2 ก็ยังคงมีบทบาทในภาคนี้ไม่น้อยไปกว่าตัวละครอื่นๆ เลย และในภาคนี้ยังมีเจ้าหุ่นดรอยจิ๋วอย่าง B-88 ออกมาขโมยซีนตัวละครตัวอื่นๆ อีกด้วย ความน่ารักและความกวนของมันเชื่อได้เลยว่าคงได้ใจท่านผู้ชมหลายๆ ท่านอย่างแน่นอน ส่วนตัวประกอบอื่นๆ ที่เป็นสิ่งมีชีวิตหน้าตาแปลกประหลาดและมนุษย์ต่างดาวทั้งหลายทางภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ จัดเต็มทั้งเมคอัพและคอสตูมเลยทีเดียว


ทางด้านกราฟฟิกอลังการสมกับที่ภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ได้รับคำกล่าวว่าเป็นหนัง Sci-fi ที่โด่งดังตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นฉากแอคชั่นที่ตัวละครต่อสู้กันด้วย Lightsaber ฉากยิงกันด้วยปืนเลเซอร์ ฉากยานรบยิงต่อสู้กัน ฉากเมืองบนดาวต่างๆ หรือเอฟเฟคหน้าตาและชุดของตัวละครประกอบที่เป็นสิ่งมีชีวิตหน้าตาแปลกประหลาดก็ทำออกมาได้สวยงามมากๆ จนไร้ที่ติเลยทีเดียว


หลังจากที่ผมได้รีวิวทั้งหมดไปเรียบร้อยก็ขอสรุปคะแนนวิจารณ์สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Star Wars The Force Awakens เลยละกันนะครับ เรื่องนี้ผมให้ 10/10 และให้เกรด A เชื่อว่าภาพยนตร์เรื่อง Star Wars The Force Awakens คงได้ใจแฟนๆ หนังชุดนี้ไปไม่น้อยเลยทีเดียวและเชื่อว่าคงได้รับความสนใจและกระแสตอบรับดีอย่างแน่นอน สำหรับคนที่ไม่เคยดูภาพยนตร์ชุดนี้ก่อนที่จะไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ไปชมตัวอย่างภาพยนตร์กันได้เลยครับ (และนี่ก็เป็นรีวิวครั้งแรกของผมหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้และจะปรังปรุงและพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ครับ ฝากติดตาม "Yozshy 24/7 Blog สำหรับคนรักหนัง" เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการอ่านรีวิวหนังใหม่ๆ ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ)


(ขอบคุณตัวอย่างภาพยนตร์ซับไทยจาก Star Wars TH)